ซัมเมอร์นี้อากาศร้อนจัดทะลุปรอทจนแทบละลาย! หลายบ้านต้องพึ่งพาเครื่องปรับอากาศเพื่อสร้างความเย็นสบาย แต่การเลือกแอร์ให้เหมาะสมกับบ้านไม่ใช่แค่ดูที่ BTU หรือราคาเท่านั้น หากเลือกผิดอาจทำให้เปลืองไฟ เย็นไม่ทั่วถึง หรือเสียเงินซ่อมบ่อย ๆ บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักเคล็ดลับการเลือกแอร์บ้านให้เหมาะกับขนาดห้อง ประหยัดพลังงาน และช่วยให้บ้านเย็นฉ่ำตลอดฤดูร้อน พร้อมคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญด้านเครื่องปรับอากาศ รับรองว่าอ่านจบแล้ว คุณจะเลือกแอร์ได้อย่างคุ้มค่าและตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคุณแน่นอน!
อยากเย็นฉ่ำตลอดซัมเมอร์? รู้จักประเภทแอร์บ้านที่เหมาะกับอากาศร้อนจัด
ก่อนตัดสินใจซื้อ แอร์บ้าน ควรรู้จักประเภทของแอร์ที่มีในตลาดและเลือกให้เหมาะกับการใช้งานในช่วงหน้าร้อน
- แอร์อินเวอร์เตอร์ (Inverter Air Conditioner) เทคโนโลยี อินเวอร์เตอร์ จะช่วยควบคุมการทำงานของคอมเพรสเซอร์ให้มีความต่อเนื่อง ลดการกระชากของไฟฟ้า ทำให้ ประหยัดพลังงาน ได้ถึง 30-50%
- แอร์ติดผนัง (Wall Type Air Conditioner) เหมาะสำหรับห้องนอน ห้องรับแขก หรือห้องทำงาน ให้ความเย็นทั่วถึง ใช้งานง่าย และดูแลรักษาสะดวก
- แอร์เคลื่อนที่ (Portable Air Conditioner) เหมาะสำหรับห้องขนาดเล็กที่ไม่ต้องการติดตั้งถาวร เคลื่อนย้ายได้สะดวก แต่มีประสิทธิภาพการทำความเย็นน้อยกว่าแอร์ติดผนัง
- แอร์ฝังฝ้า (Cassette Air Conditioner) เหมาะสำหรับห้องขนาดใหญ่ เช่น ห้องประชุม ร้านค้า หรือสำนักงาน ให้ความเย็นกระจายทั่วถึงและมีดีไซน์สวยงาม
วิธีเลือกขนาด BTU ให้เหมาะสมกับขนาดห้อง
BTU (British Thermal Unit) เป็นหน่วยวัดความสามารถในการทำความเย็นของแอร์ หากเลือกขนาด BTU ไม่เหมาะสมอาจทำให้แอร์ทำงานหนักเกินไปหรือทำให้ห้องเย็นไม่เพียงพอ ดังนี้
ขนาดห้อง (ตร.ม.) | ขนาด BTU ที่แนะนำ |
9-14 ตร.ม. | 9,000 – 12,000 BTU |
15-20 ตร.ม. | 12,000 – 16,000 BTU |
21-30 ตร.ม. | 18,000 – 24,000 BTU |
31-40 ตร.ม. | 25,000 – 30,000 BTU |
หากเลือก BTU น้อยเกินไป แอร์จะต้องทำงานหนักตลอดเวลาเพื่อให้ห้องเย็น ซึ่งอาจทำให้ ค่าไฟฟ้าเพิ่มขึ้น แต่หากเลือก BTU มากเกินไป แอร์จะเปิด-ปิดบ่อย ทำให้สิ้นเปลืองพลังงานเช่นกัน
เทคนิคการใช้งานแอร์ให้ประหยัดไฟในช่วงหน้าร้อน
ในช่วงหน้าร้อนที่ค่าไฟพุ่งสูง การใช้แอร์อย่างประหยัดจึงเป็นสิ่งสำคัญ นี่คือเทคนิคที่จะช่วยให้คุณเย็นสบายโดยไม่ต้องกังวลเรื่องค่าไฟ
- ตั้งอุณหภูมิที่เหมาะสม ควรตั้ง อุณหภูมิแอร์ ที่ 25-27 องศาเซลเซียส เพราะเป็นอุณหภูมิที่ช่วยให้แอร์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและประหยัดไฟ
- เปิดพัดลมร่วมด้วย การใช้พัดลมช่วยกระจายความเย็นทำให้แอร์ไม่ต้องทำงานหนัก ลดค่าไฟลงได้
- หมั่นล้างแอร์เป็นประจำ ควรล้างแผ่นกรองอากาศทุก 2 สัปดาห์ และล้างใหญ่ทุก 6 เดือน เพื่อลดภาระการทำงานของแอร์
- ปิดม่านหรือใช้ฟิล์มกันความร้อน ช่วยลดความร้อนจากภายนอก ทำให้แอร์ทำงานน้อยลง
- ปิดแอร์เมื่อไม่ใช้งาน ควรปิดแอร์ก่อนออกจากห้อง 15-30 นาที และใช้พัดลมช่วยระบายความร้อน
ฟังก์ชันพิเศษที่ควรมีในแอร์สำหรับฤดูร้อน
ในช่วงฤดูร้อนที่อากาศร้อนจัด การเลือกแอร์ที่มีฟังก์ชันพิเศษจะช่วยให้คุณเย็นสบายและประหยัดพลังงานได้มากยิ่งขึ้น นี่คือฟังก์ชันพิเศษที่ควรมีในแอร์สำหรับฤดูร้อน
- ระบบฟอกอากาศ (Air Purifier System) ช่วยกรองฝุ่น PM 2.5 และเชื้อโรค เหมาะสำหรับผู้ที่เป็นภูมิแพ้
- โหมดประหยัดพลังงาน (Eco Mode) ลดการใช้ไฟโดยการปรับอุณหภูมิให้เหมาะสม
- เซ็นเซอร์ตรวจจับความเคลื่อนไหว (Motion Sensor) ปรับระดับความเย็นตามจำนวนคนในห้อง
- โหมดไล่ความชื้น (Dry Mode) ช่วยลดความชื้นในอากาศ ทำให้รู้สึกเย็นสบายขึ้น
การเลือก แอร์บ้าน ที่เหมาะสมไม่เพียงแต่ช่วยให้คุณได้รับความเย็นสบาย แต่ยังช่วย ประหยัดพลังงาน และ ลดค่าไฟ ได้ หากต้องการให้แอร์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ควรเลือกขนาด BTU ให้เหมาะสมกับขนาดห้อง ใช้เทคนิคประหยัดไฟ และเลือกแอร์ที่มีฟังก์ชันที่ตอบโจทย์การใช้งานในช่วงหน้าร้อน
แหล่งที่มา:
- https://www.egat.co.th (การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย – วิธีประหยัดไฟฟ้า)
- https://www.energy.gov (กระทรวงพลังงานสหรัฐ – การเลือกแอร์ที่ประหยัดพลังงาน)
- https://www.airconthai.com (ข้อมูลเกี่ยวกับการเลือกแอร์บ้านและเทคนิคประหยัดไฟ)