เชื้อราในแอร์คอนโด เป็นปัญหาที่พบได้บ่อยและอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพของผู้อยู่อาศัย หากไม่ได้รับการดูแล อาจก่อให้เกิดอาการภูมิแพ้, โรคทางเดินหายใจ และกลิ่นไม่พึงประสงค์ในห้อง ดังนั้นการ ป้องกันและกำจัดเชื้อรา ในแอร์จึงเป็นสิ่งสำคัญ บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจ สาเหตุของเชื้อราในแอร์, วิธีป้องกัน และเทคนิคการดูแลรักษาแอร์ให้สะอาด เพื่อให้แอร์ของคุณทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัยต่อสุขภาพ
สาเหตุของเชื้อราในแอร์คอนโด
เชื้อราในแอร์เกิดจาก ความชื้นสะสมและการหมักหมมของสิ่งสกปรก โดยทั่วไป เชื้อราเติบโตได้ดีในที่ที่มีอุณหภูมิ 18-30°C และมีความชื้นสูง ซึ่งแอร์เป็นสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมสำหรับการเจริญเติบโตของเชื้อรา โดยสาเหตุหลักของเชื้อราในแอร์ ได้แก่:
- ความชื้นสูงในคอยล์เย็น – เมื่อแอร์ทำงาน คอยล์เย็นจะมีการควบแน่นของน้ำ ซึ่งหากไม่มีการระบายความชื้นที่ดี จะทำให้เชื้อราเติบโต
- ท่อน้ำทิ้งอุดตัน – ท่อน้ำทิ้งที่อุดตันทำให้มีน้ำขังในแอร์ เป็นแหล่งเพาะเชื้อรา
- แผ่นกรองอากาศสกปรก – ฝุ่นที่สะสมบนแผ่นกรองเป็นแหล่งสะสมของเชื้อราและแบคทีเรีย
- การเปิด-ปิดแอร์บ่อยเกินไป – ทำให้อุณหภูมิเปลี่ยนแปลงเร็ว เกิดการควบแน่นของน้ำบนคอยล์เย็นและก่อให้เกิดเชื้อรา
- ห้องอับ ไม่ระบายอากาศ – ความชื้นสะสมในห้อง ทำให้แอร์ต้องทำงานหนักและมีโอกาสเกิดเชื้อราได้ง่าย
สัญญาณที่บ่งบอกว่ามีเชื้อราในแอร์คอนโด
- มีกลิ่นอับหรือกลิ่นเหม็นเปรี้ยวเมื่อเปิดแอร์
- มีฝุ่นสีดำหรือคราบสีน้ำตาลในช่องลมแอร์
- แอร์เย็นช้ากว่าปกติ และมีฝุ่นฟุ้งกระจาย
- ผู้อยู่อาศัยมีอาการแพ้ ไอ หรือจามบ่อยขึ้น
วิธีป้องกันและกำจัดเชื้อราในแอร์คอนโด
หากพบเชื้อราในเครื่องปรับอากาศ ควรรีบทำความสะอาดเพื่อป้องกันการแพร่กระจาย วิธีการป้องกันและกำจัดเชื้อรามีดังนี้:
1. ล้างแผ่นกรองอากาศทุก 2 สัปดาห์
- ถอดแผ่นกรองอากาศออกมา ล้างด้วยน้ำสะอาด หรือใช้สบู่เหลว
- หากมีฝุ่นมาก อาจใช้ เครื่องดูดฝุ่น ดูดสิ่งสกปรกออก
- ตากให้แห้งสนิท ก่อนนำกลับไปใส่ในเครื่อง
2. ล้างคอยล์เย็นทุก 3-6 เดือน
- ใช้ สเปรย์ล้างคอยล์เย็น ฉีดทำความสะอาดเพื่อลดการสะสมของฝุ่นและเชื้อรา
- หากมีคราบสกปรกหนา ควรเรียกช่างแอร์เพื่อล้างแบบละเอียด
3. ตรวจสอบและทำความสะอาดท่อน้ำทิ้ง
- หากมี น้ำแอร์หยดผิดปกติ หรือมีกลิ่นเหม็น ควรตรวจสอบท่อน้ำทิ้ง
- ใช้ น้ำอุ่นผสมผงซักฟอก ล้างทำความสะอาดท่อเพื่อลดคราบเชื้อรา
4. ใช้โหมด Dry Mode หรือ Dehumidifier
- โหมด Dry Mode ช่วยลดความชื้นภายในแอร์ ทำให้เชื้อราเติบโตได้ยาก
- ใช้โหมดนี้ 15-30 นาทีทุกวัน โดยเฉพาะในช่วงที่อากาศชื้น
5. ใช้สเปรย์ฆ่าเชื้อในช่องลมแอร์
- ใช้ สเปรย์กำจัดเชื้อรา ฉีดที่ช่องลมแอร์เพื่อฆ่าเชื้อราและแบคทีเรีย
- หลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีที่มีฤทธิ์กัดกร่อน เพราะอาจทำลายชิ้นส่วนของแอร์
6. ติดตั้งเครื่องฟอกอากาศหรือแผ่นกรอง PM2.5
- ช่วยกรองฝุ่นละอองและลดการสะสมของเชื้อราในแอร์
- เลือกแผ่นกรองที่มี HEPA Filter หรือ Activated Carbon Filter
7. ตรวจสอบการติดตั้งแอร์ให้ถูกต้อง
- ตำแหน่งติดตั้งแอร์ควรมีอากาศถ่ายเทสะดวก ไม่อยู่ในมุมอับ
- คอมเพรสเซอร์แอร์ควรติดตั้งในที่ที่ระบายอากาศได้ดี
หมายเหตุ: หากเชื้อราแพร่กระจายในแอร์มาก ควรเรียก ช่างแอร์มืออาชีพ มาล้างทำความสะอาดแบบละเอียด
เทคนิคดูแลแอร์ให้สะอาด
- การดูแลแอร์เป็นประจำ จะช่วยลดโอกาสเกิดเชื้อราและยืดอายุการใช้งานของเครื่องปรับอากาศ
- เปิดหน้าต่างระบายอากาศทุกวัน – ช่วยลดความชื้นสะสมในห้อง
- ใช้พัดลมช่วยกระจายลมเย็น – ลดการสะสมของความชื้นภายในแอร์
- เช็คระดับน้ำในถาดรองน้ำแอร์ – หมั่นดูว่ามีน้ำขังในถาดหรือไม่
- เปิดโหมดพัดลม (Fan Mode) ทุกครั้งหลังปิดแอร์ – ช่วยไล่ความชื้นออกจากคอยล์เย็น
- หมั่นสังเกตกลิ่นแอร์ – หากมีกลิ่นอับ ควรรีบทำความสะอาดทันที
เชื้อราในแอร์คอนโดเป็นปัญหาที่สามารถป้องกันได้ หากดูแลทำความสะอาดแอร์เป็นประจำ การล้างแผ่นกรองทุก 2 สัปดาห์, ล้างคอยล์เย็นทุก 3-6 เดือน และใช้โหมดลดความชื้น จะช่วยลดโอกาสเกิดเชื้อราได้ การเลือก สเปรย์ฆ่าเชื้อ, เครื่องฟอกอากาศ และการดูแลท่อน้ำทิ้ง ก็เป็นอีกวิธีที่ช่วยให้แอร์ของคุณสะอาดและปลอดภัยต่อสุขภาพ
แหล่งที่มา:
- EGAT การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย
- Daikin Thailand
- Mitsubishi Electric Thailand
- Panasonic Thailand
- Samsung Thailand
- LG Thailand