You are currently viewing ❄️หมดปัญหาแอร์เหม็นอับ! เคล็ดลับป้องกันเชื้อราในแอร์คอนโด

❄️หมดปัญหาแอร์เหม็นอับ! เคล็ดลับป้องกันเชื้อราในแอร์คอนโด

เชื้อราในแอร์คอนโด เป็นปัญหาที่พบได้บ่อยและอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพของผู้อยู่อาศัย หากไม่ได้รับการดูแล อาจก่อให้เกิดอาการภูมิแพ้, โรคทางเดินหายใจ และกลิ่นไม่พึงประสงค์ในห้อง ดังนั้นการ ป้องกันและกำจัดเชื้อรา ในแอร์จึงเป็นสิ่งสำคัญ บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจ สาเหตุของเชื้อราในแอร์, วิธีป้องกัน และเทคนิคการดูแลรักษาแอร์ให้สะอาด เพื่อให้แอร์ของคุณทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัยต่อสุขภาพ

สาเหตุของเชื้อราในแอร์คอนโด

เชื้อราในแอร์เกิดจาก ความชื้นสะสมและการหมักหมมของสิ่งสกปรก โดยทั่วไป เชื้อราเติบโตได้ดีในที่ที่มีอุณหภูมิ 18-30°C และมีความชื้นสูง ซึ่งแอร์เป็นสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมสำหรับการเจริญเติบโตของเชื้อรา โดยสาเหตุหลักของเชื้อราในแอร์ ได้แก่:

  • ความชื้นสูงในคอยล์เย็นเมื่อแอร์ทำงาน คอยล์เย็นจะมีการควบแน่นของน้ำ ซึ่งหากไม่มีการระบายความชื้นที่ดี จะทำให้เชื้อราเติบโต
  • ท่อน้ำทิ้งอุดตันท่อน้ำทิ้งที่อุดตันทำให้มีน้ำขังในแอร์ เป็นแหล่งเพาะเชื้อรา
  •  แผ่นกรองอากาศสกปรกฝุ่นที่สะสมบนแผ่นกรองเป็นแหล่งสะสมของเชื้อราและแบคทีเรีย
  • การเปิด-ปิดแอร์บ่อยเกินไปทำให้อุณหภูมิเปลี่ยนแปลงเร็ว เกิดการควบแน่นของน้ำบนคอยล์เย็นและก่อให้เกิดเชื้อรา
  • ห้องอับ ไม่ระบายอากาศความชื้นสะสมในห้อง ทำให้แอร์ต้องทำงานหนักและมีโอกาสเกิดเชื้อราได้ง่าย

สัญญาณที่บ่งบอกว่ามีเชื้อราในแอร์คอนโด

  • มีกลิ่นอับหรือกลิ่นเหม็นเปรี้ยวเมื่อเปิดแอร์
  • มีฝุ่นสีดำหรือคราบสีน้ำตาลในช่องลมแอร์
  • แอร์เย็นช้ากว่าปกติ และมีฝุ่นฟุ้งกระจาย
  • ผู้อยู่อาศัยมีอาการแพ้ ไอ หรือจามบ่อยขึ้น


วิธีป้องกันและกำจัดเชื้อราในแอร์คอนโด

หากพบเชื้อราในเครื่องปรับอากาศ ควรรีบทำความสะอาดเพื่อป้องกันการแพร่กระจาย วิธีการป้องกันและกำจัดเชื้อรามีดังนี้:

1. ล้างแผ่นกรองอากาศทุก 2 สัปดาห์

  • ถอดแผ่นกรองอากาศออกมา ล้างด้วยน้ำสะอาด หรือใช้สบู่เหลว
  • หากมีฝุ่นมาก อาจใช้ เครื่องดูดฝุ่น ดูดสิ่งสกปรกออก
  • ตากให้แห้งสนิท ก่อนนำกลับไปใส่ในเครื่อง

2. ล้างคอยล์เย็นทุก 3-6 เดือน

  • ใช้ สเปรย์ล้างคอยล์เย็น ฉีดทำความสะอาดเพื่อลดการสะสมของฝุ่นและเชื้อรา
  • หากมีคราบสกปรกหนา ควรเรียกช่างแอร์เพื่อล้างแบบละเอียด

3. ตรวจสอบและทำความสะอาดท่อน้ำทิ้ง

  • หากมี น้ำแอร์หยดผิดปกติ หรือมีกลิ่นเหม็น ควรตรวจสอบท่อน้ำทิ้ง
  • ใช้ น้ำอุ่นผสมผงซักฟอก ล้างทำความสะอาดท่อเพื่อลดคราบเชื้อรา

>>ข้อดีของการล้างแอร์

4. ใช้โหมด Dry Mode หรือ Dehumidifier

  • โหมด Dry Mode ช่วยลดความชื้นภายในแอร์ ทำให้เชื้อราเติบโตได้ยาก
  • ใช้โหมดนี้ 15-30 นาทีทุกวัน โดยเฉพาะในช่วงที่อากาศชื้น

5. ใช้สเปรย์ฆ่าเชื้อในช่องลมแอร์

  • ใช้ สเปรย์กำจัดเชื้อรา ฉีดที่ช่องลมแอร์เพื่อฆ่าเชื้อราและแบคทีเรีย
  • หลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีที่มีฤทธิ์กัดกร่อน เพราะอาจทำลายชิ้นส่วนของแอร์

6. ติดตั้งเครื่องฟอกอากาศหรือแผ่นกรอง PM2.5

  • ช่วยกรองฝุ่นละอองและลดการสะสมของเชื้อราในแอร์
  • เลือกแผ่นกรองที่มี HEPA Filter หรือ Activated Carbon Filter

7. ตรวจสอบการติดตั้งแอร์ให้ถูกต้อง

  • ตำแหน่งติดตั้งแอร์ควรมีอากาศถ่ายเทสะดวก ไม่อยู่ในมุมอับ
  • คอมเพรสเซอร์แอร์ควรติดตั้งในที่ที่ระบายอากาศได้ดี

หมายเหตุ: หากเชื้อราแพร่กระจายในแอร์มาก ควรเรียก ช่างแอร์มืออาชีพ มาล้างทำความสะอาดแบบละเอียด

 


เทคนิคดูแลแอร์ให้สะอาด

  • การดูแลแอร์เป็นประจำ จะช่วยลดโอกาสเกิดเชื้อราและยืดอายุการใช้งานของเครื่องปรับอากาศ
  •  เปิดหน้าต่างระบายอากาศทุกวันช่วยลดความชื้นสะสมในห้อง
  • ใช้พัดลมช่วยกระจายลมเย็นลดการสะสมของความชื้นภายในแอร์
  • เช็คระดับน้ำในถาดรองน้ำแอร์หมั่นดูว่ามีน้ำขังในถาดหรือไม่
  • เปิดโหมดพัดลม (Fan Mode) ทุกครั้งหลังปิดแอร์ช่วยไล่ความชื้นออกจากคอยล์เย็น
  • หมั่นสังเกตกลิ่นแอร์หากมีกลิ่นอับ ควรรีบทำความสะอาดทันที

เชื้อราในแอร์คอนโดเป็นปัญหาที่สามารถป้องกันได้ หากดูแลทำความสะอาดแอร์เป็นประจำ การล้างแผ่นกรองทุก 2 สัปดาห์, ล้างคอยล์เย็นทุก 3-6 เดือน และใช้โหมดลดความชื้น จะช่วยลดโอกาสเกิดเชื้อราได้ การเลือก สเปรย์ฆ่าเชื้อ, เครื่องฟอกอากาศ และการดูแลท่อน้ำทิ้ง ก็เป็นอีกวิธีที่ช่วยให้แอร์ของคุณสะอาดและปลอดภัยต่อสุขภาพ

แหล่งที่มา:

 

 

ใส่ความเห็น