You are currently viewing วิธีเลือกซื้อแอร์ติดผนังให้เหมาะกับบ้านและห้องคุณ

วิธีเลือกซื้อแอร์ติดผนังให้เหมาะกับบ้านและห้องคุณ

การเลือกซื้อเครื่องปรับอากาศให้เหมาะสมกับบ้านและห้องของคุณเป็นเรื่องสำคัญ ไม่เพียงแค่ช่วยให้คุณได้รับความเย็นสบายที่เหมาะสม แต่ยังช่วยประหยัดพลังงาน ลดค่าไฟ และยืดอายุการใช้งานของเครื่องปรับอากาศ ปัจจัยที่ควรพิจารณามีหลายอย่าง ตั้งแต่ขนาด BTU ที่เหมาะสม ดีไซน์ ฟังก์ชันการทำงาน ไปจนถึงเทคโนโลยีที่ช่วยประหยัดพลังงานและรักษาคุณภาพอากาศ ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปทำความเข้าใจวิธีเลือกแอร์ติดผนังให้เหมาะสมกับขนาดห้องของคุณ พร้อมวิธีเลือกซื้อแอร์ได้อย่างคุ้มค่าและตอบโจทย์การใช้งานในระยะยาว

ปัจจัยที่ต้องพิจารณาก่อนเลือกซื้อแอร์ติดผนัง

ปัจจัยสำคัญที่ควรพิจารณาก่อนตัดสินใจซื้อแอร์ ได้แก่ ขนาด BTU ที่เหมาะสม ฟังก์ชันพิเศษ เทคโนโลยีประหยัดพลังงาน ระบบฟอกอากาศ รวมถึงค่าใช้จ่ายในการติดตั้งและบำรุงรักษา ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปสำรวจแต่ละปัจจัยอย่างละเอียด เพื่อช่วยให้คุณเลือกแอร์ติดผนังที่ตอบโจทย์ทั้งในแง่ของประสิทธิภาพและความคุ้มค่าในระยะยาว

  1. เลือกขนาด BTU ให้เหมาะกับขนาดห้อง

BTU (British Thermal Unit) เป็นค่าที่บอกปริมาณความสามารถในการทำความเย็นของเครื่องปรับอากาศ หากเลือก แอร์กี่ BTU ดี ขึ้นอยู่กับขนาดของห้อง ดังนี้:

ขนาดห้อง (ตร.ม.) ค่า BTU ที่เหมาะสม
9 – 14 ตร.ม. 9,000 BTU
15 – 20 ตร.ม. 12,000 BTU
21 – 28 ตร.ม. 18,000 BTU
29 – 40 ตร.ม. 24,000 BTU

การเลือก BTU ที่พอดีช่วยให้แอร์ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพและช่วยลดค่าไฟ หากเลือก BTU ต่ำไป อาจทำให้แอร์ต้องทำงานหนักและเปลืองไฟ แต่ถ้าเลือกสูงเกินไป ก็อาจสิ้นเปลืองพลังงานโดยไม่จำเป็น

  1. เลือกแอร์ประหยัดไฟ และดูค่า SEER

ปัจจุบัน แอร์บ้านประหยัดไฟ เป็นสิ่งที่หลายคนให้ความสำคัญ โดยควรพิจารณาค่า SEER (Seasonal Energy Efficiency Ratio) หรือค่าประสิทธิภาพพลังงานตามฤดูกาล ซึ่งมีหน่วยเป็น BTU/Watt ยิ่งค่าสูง ยิ่งประหยัดไฟ แนะนำให้เลือก แอร์เบอร์ 5 ที่มีฉลากประหยัดพลังงาน นอกจากนี้ แอร์ระบบ Inverter เป็นอีกตัวเลือกที่ช่วยลดการใช้พลังงาน เพราะสามารถปรับรอบการทำงานของคอมเพรสเซอร์ให้เหมาะสมกับอุณหภูมิของห้อง ช่วยให้แอร์ทำงานเงียบขึ้นและลดค่าไฟได้มากถึง 30-50% เมื่อเทียบกับแอร์ทั่วไป

  1. ฟังก์ชันพิเศษที่ควรมี

ปัจจุบัน แอร์ติดผนัง มาพร้อมฟังก์ชันพิเศษที่ช่วยให้ใช้งานสะดวกขึ้น เช่น

  • ระบบฟอกอากาศ ช่วยกำจัดฝุ่นและเชื้อโรค เหมาะสำหรับบ้านที่มีเด็กหรือผู้ป่วยโรคภูมิแพ้
  • ระบบปรับความชื้น ช่วยให้ห้องไม่อับชื้น ลดการสะสมของเชื้อรา
  • โหมดประหยัดพลังงาน ปรับการทำงานของแอร์ให้ใช้พลังงานน้อยที่สุดเมื่อไม่จำเป็น
  • ควบคุมผ่านแอปพลิเคชัน บางรุ่นสามารถเชื่อมต่อ WiFi และควบคุมผ่านมือถือได้

เปรียบเทียบ ยี่ห้อแอร์ติดผนัง ที่นิยม

ปัจจุบันแอร์ติดผนังมีให้เลือกมากมายจากหลายแบรนด์ แต่ละยี่ห้อก็มีจุดเด่นและเทคโนโลยีที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นระบบประหยัดพลังงาน เทคโนโลยีฟอกอากาศ ความทนทาน หรือฟังก์ชันอัจฉริยะที่ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้ใช้ การเลือกแอร์ที่เหมาะสมจึงควรพิจารณาทั้งคุณสมบัติ ราคา การรับประกัน และบริการหลังการขาย

Daikin ประหยัดพลังงานและทนทาน

  • มี Inverter ทุกรุ่น และ ค่า SEER สูง
  • ระบบฟอกอากาศ Streamer ช่วยฆ่าเชื้อโรค
  • ราคาเริ่มต้น: 15,000 บาทขึ้นไป

 Mitsubishi Electric เงียบ ทนทาน คุณภาพสูง

  • ระบบ Inverter ประหยัดไฟ
  • เทคโนโลยี Dual Barrier Coating ป้องกันฝุ่นและน้ำมันเกาะแผงคอยล์
  • ราคาเริ่มต้น: 16,000 บาทขึ้นไป

 Samsung ฟีเจอร์ทันสมัย ควบคุมผ่านแอป

  • เทคโนโลยี Wind-Free™ กระจายลมเย็นโดยไม่ต้องมีลมแรง
  • เชื่อมต่อ WiFi SmartThings ควบคุมผ่านมือถือได้
  • ราคาเริ่มต้น: 14,000 บาทขึ้นไป

 LG ดีไซน์สวย ฟีเจอร์เยอะ

  • ระบบ DUAL Inverter Compressor™ ลดเสียงรบกวน
  • ระบบฟอกอากาศ Plasma Ionizer
  • ราคาเริ่มต้น: 13,000 บาทขึ้นไป

การเลือก แอร์ติดผนัง ให้เหมาะกับบ้านหรือห้องของคุณ ควรพิจารณา BTU ให้เหมาะสมกับขนาดห้อง เลือก แอร์ประหยัดไฟ โดยดูค่า SEER และฟังก์ชันพิเศษที่ช่วยเพิ่มความสะดวกสบาย การเปรียบเทียบ ยี่ห้อแอร์บ้าน ที่นิยมก็เป็นสิ่งสำคัญ เพราะแต่ละยี่ห้อมีจุดเด่นที่แตกต่างกัน หากต้องการ แอร์ติดผนังราคาถูก และดี ควรเลือกให้เหมาะกับงบประมาณและความต้องการของคุณ หากคุณกำลังมองหา วิธีเลือกแอร์ติดผนัง หรือสงสัยว่า แอร์กี่ BTU ดี หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้น!

 

ใส่ความเห็น